วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555


วิธีแสนง่ายในการ Hack Password ที่เรามักมองข้าม

ขอขอบคุณเนื้อหาจาก บทความเรื่อง “กาฝากกับศาสตร์มืด แฮกเกอร์เขาเจาะรหัสผ่านของเรากันได้อย่างไร (ตอนที่ 3)”  โดย คุณคงเดช กี่สุขพันธ์ (@kafaak) จากบล๊อก นานาสาระกับนายกาฝาก ค่ะ

เอารหัสผ่านของเราไปได้ เพราะรหัสผ่านของเราก็อยู่รอบตัวเรานั่นแหละ

รู้หรือไม่ว่ารหัสผ่านที่เดาง่ายอีกอย่างก็คือข้อมูลรอบตัวเรานั่นแหละครับ รหัสผ่านเป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าจำยาก เลยมักจะลงเอยด้วยการใช้อะไรที่เราคุ้นเคยเป็นหลัก อาจจะเป็นชื่อคนรู้จัก วันเดือนปีเกิด เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ โดยเข้าใจว่าแบบนี้ไม่น่าจะโดนเดาได้ง่าย ไม่น่าจะไปอยู่ใน Hacker Dictionary
แต่อย่าลืมว่าหลังๆ เราเองก็เริ่มมีพฤติกรรมเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียลเน็ตเวิร์คกิ้งมากขึ้น ข้อมูลอย่างเบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด หรือชื่อคนสนิท (เช่น พี่น้อง พ่อแม่ หรือแฟน) ก็สามารถค้นหาได้ง่ายๆ บนอินเทอร์เน็ตแล้ว แถมนับวันพวกเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ก็พยายามปรับ User Interface ให้ดูง่ายขึ้นสำหรับผู้ใช้งาน และแน่นอนว่ามันย่อมง่ายขึ้นสำหรับแฮกเกอร์ที่จะเข้ามาเอาข้อมูลด้วย ซึ่งตรงนี้พวกนักวิจัยต่างๆ ก็แสดงความกังวลออกมาแล้ว เช่น ตอนที่พูดถึงเรื่องของอินเทอร์เฟซแบบ Timeline ของ Facebook ซึ่งตอนนี้เริ่มทยอยเปลี่ยนแปลงหน้าเว็บของผู้ใช้งานไปเรื่อยๆ แล้ว และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดในวันที่ 23 ธันวาคมนี้
ผู้เชี่ยวชาญจาก Sophos ถึงกับกล่าวถึง Timeline นี้เอาไว้แบบนี้ครับ (ที่มา: Computerworld)
“Timeline makes it a heck of a lot easier [for attackers] to collect information on people,” said Chet Wisniewski, a Sophos security researcher. “It’s not that the data isn’t already there on Facebook, but it’s currently not in an easy-to-use format.”
หน้าตาของ Timeline นั้นจะทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถเก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้คนไปได้ง่ายขึ้น … มันไม่ใช่ว่าข้อมูลพวกนี้ไม่ได้มีอยู่บน Facebook มาก่อนนะ แต่ว่ามันยังไม่ได้อยู่ในรูปแบบที่ใช้งานได้
ทางป้องกันในกรณีนี้มีทางเดียวที่ชัดเจนครับ คือ อย่าไปตั้งรหัสผ่านโดยใช้ข้อมูลส่วนตัว … เว้นเสียแต่คุณจะมั่นใจว่า ข้อมูลส่วนตัวนี้มันส่วนตั๊วส่วนตัวสุดๆ จริงๆ และไม่มีใครรู้แน่นอน

ไม่ต้องเดารหัสผ่านก็ได้ เดาคำถามในกรณีลืมรหัสผ่านดีกว่า

บางคนตั้งรหัสผ่านเดายากโคตร จำก็ยากด้วย เลยทำให้เกิดความกลัวที่จะลืม … เรื่องมันก็ไปเดือดร้อนผู้ดูแลระบบตลอด ต้องมารีเซ็ตรหัสผ่านให้เป็นประจำ ดังนั้นเว็บไซต์ที่มีสมาชิกเยอะๆ เลยพัฒนาระบบกู้คือรหัสผ่านเอาไว้ขึ้นมา ใครลืมรหัสผ่าน ไม่สามารถล็อกอินเข้าระบบได้ ก็คลิกเลย จากนั้นก็แค่ตอบคำถามซักข้อ (ซึ่งเราสามารถเลือกตั้งคำถามได้ตอนที่สมัครใช้บริการ)
ปัญหาก็คือ คำถามพวกนี้มักจะเลือกได้จำกัด (แม้ว่าจะมีบางบริการที่ให้เรากำหนดคำถามเองได้) อีกทั้งเวลาเรานึกถึงคำถามทีไร เราก็นึกถึงเรื่องใกล้ตัวเข้าไว้ เพื่อให้เราสามารถจำคำตอบได้ง่าย (กลับไปอ่านหัวข้อก่อนหน้า ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น) ผลก็คือ มันจึงมักเป็นเรื่องใกล้ตัว และสามารถถูกเดาได้ง่ายๆ โดยการค้นหาด้วย Google หรือไม่ก็ไปไล่ดูข้อมูลจากโซเชียลเน็ตเวิร์คกิ้งไซต์ต่างๆ
กรณีศึกษาที่ชัดเจนมาก (และโด่งดังด้วย) คือกรณีที่อีเมล์ Yahoo! ของ Sara Palin ถูกแฮกไปเมื่อปี ค.ศ. 2008 โดยที่คนแฮกไม่ได้ใช้ความรู้ด้านการแฮกใดๆ เลย เขาใช้แค่วันเดือนปีเกิด รหัสไปรษณีย์ และข้อมูลที่ว่า Sara Palin ไปพบกับสามีของเธอที่ไหนเป็นครั้งแรก แค่นี้เขาก็สามารถรีเซ็ตรหัสผ่านได้แล้ว
เบิ้องต้นนั้น ทางป้องกันเทคนิคนี้ก็เหมือนกับเทคนิคก่อนหน้าครับ อย่าไปใช้ข้อมูลส่วนตัว … แต่นอกจากนี้@darkmasterxxx เพื่อนของผมบอกว่า วิธีง่ายๆ ก็คือ ไม่ต้องสนใจว่าคำถามจะเป็นอะไร แต่จำคำตอบไว้ในใจเสมอก็พอ เช่น ชื่อแฟน … ส่วนคำถามจะเลือกอะไรก็ได้ “Q: อาชีพของปู่ A: ชื่อแฟน”, “Q: คุณครูที่ชื่นชอบ A: ชื่อแฟน” หรือแม้แต่ “Q: ชื่อของสัตว์เลี้ยงตัวแรก A: ชื่อแฟน” ฮาฮา

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

คุณรู้สึกเบื่อกับอุปกรณ์สายชาร์ทแบตเตอรี่มือถือบ้างหรือปล่าวครับ? เครื่อง Energizer Inductive Charger จะทำให้การชาร์ทมือถือแบบเดิมๆ หมดไป เพียงแค่วางโทรศัพท์มือถือของคุณไม่ว่าจะเป็น iPhone หรือ Blackberry ลงบนถาดวางมันก็จะเริ่มชาร์ตโดยทันที โดยปราศจากสายไฟ

เครื่อง Energizer ราคาอยู่ที่ประมาณ 2,730 บาท วางจำหน่ายเมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา, ซึ่งทางบริษัทผู้พัฒนาได้ผลิตปลอกมือถือ(สำหรับใช้งานกับอุปกรณ์นี้เท่านั้น)ให้รองรับได้หลายระบบแล้ว ไม่พบปัญหาใดๆ เกิดขึ้น ตัวระบบทำงานได้ปกติ รวมทั้งปลอกสำหรับรุ่นมือถือ iPhone 3G และ 3GS, BlackBerry Curve 8900 และล่าสุดได้ทดสอบกับปลอกของมือถือ iPhone 4

อุปกรณ์ที่ชาร์ทตัวนี้มีรูปทรง และขนาดที่บาง ใช้พลาสติกคุณภาพดีสีดำ มีที่วางมือถือได้สองเครื่องในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะมีช่องต่อ USB ด้านหลังของอุปกรณ์สำหรับอุปกรณ์เสริม สรุปก็คือคุณสามารถชาร์ทในเวลาเดียวกันได้ 3 เครื่องในเวลาเดียวกัน

อุปกรณ์ตัวนี้สามารถทำงานร่วมกับ Qi (ออกเสียงว่า “ชี”) ซึ่งเป็นองค์กรที่กำหนดมาตรฐานของพลังงานไร้สาย (Wireless Power Consortium) เราได้จัดให้เป็นอุปกรณ์ 1 ใน 8 ที่ควรจับตามองในปี 2011 ซึ่งองค์กรที่กล่าวมาข้างต้นประกอบไปด้วยสมาชิก เช่น Samsung, Panasonic, Sony, HTC, Verizon, Duracell, Energizer, Black & Decker และอีก 2-3 บริษัท — แต่ไม่มี Apple มาเข้าร่วมด้วย แนวความคิดนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตัวสินค้าทั้งหมดที่สมาชิกผู้เข้าร่วมได้ผลิตขึ้น


และนี่ก็คือไดอะแกรมในการแสดงให้เห็นหลักการทำงาน

หลักการทำงานของเจ้าตัวอุปกรณ์นี้ ทำงานได้อย่างเหลือเชื่อ ตัวระบบ Qi ใช้พลังงานสนามแม่เหล็กในการเคลื่อนย้ายพลังงานแทนสายไฟ
ช่วงเวลาที่ผมได้สวมปลอกสำหรับ iPhone 4 เข้าไปแล้ว สิ่งแรกที่ต้องการทำหลังจากที่ได้ใส่ปลอกแล้วคือการวางไว้ตรงถาดวางของอุปกรณ์ชาร์ต แล้วจะมีไฟแสดงสถานะสว่างขึ้น เพื่อบอกให้รู้ว่าระบบได้เริ่มการชาร์ตแล้ว เมื่อระบบชาร์ตเต็มแล้ว ไฟแสดงสถานะจะดับลง เพื่อประหยัดพลังงาน
สวมปลอกแล้วนำไปวางบนถาดวาง


มีที่วางรองรับ 2 เครื่อง




มีช่องต่อ USB ด้านหลังเครื่อง


รูปด้านล่างของเครื่อง


ปลอกสวมสำหรับ iPhone 4


ปลอกสวมมีน้ำหนักที่เบา ออกแบบให้ดูสวยงาม


รูปด้านหลังของปลอกสวม


รูปปลอกสวมเปล่าๆ


ปลอกสวมสำหรับ Blackberry


ปลอกสวมสำหรับ iPhone 3GS/3G
http://www.youtube.com/watch?v=hNF9OaoCDj0&feature=player_embedded

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


GPS คือ ระบบระบุตำแหน่งบนพื้นโลก ย่อมาจากคำว่า Global Positioning System ซึ่งระบบ GPS ประกอบไปด้วย 3ส่วนหลัก คือ
          1. ส่วนอวกาศ ประกอบด้วยเครือข่ายดาวเทียมหลัก 3 ค่าย คือ อเมริกา รัสเซีย ยุโรป
            >  ของอเมริกา ชื่อ NAVSTAR (Navigation Satellite Timing and Ranging  GPS) มีดาวเทียม 28 ดวง ใช้งานจริง 24 ดวง อีก 4 ดวงเป็นตัวสำรอง บริหารงานโดย Department of Defenses มีรัศมีวงโคจรจากพื้นโลก 20,162.81 กม.หรือ  12,600  ไมล์ ดาวเทียมแต่ละดวงใช้ เวลาในการโคจรรอบโลก  12  ชั่วโมง
            >  ยุโรป ชื่อ Galileo มี 27 ดวง บริหารงานโดย ESA หรือ European Satellite Agency จะพร้อมใช้งานในปี 2008
            >  รัสเซีย ชื่อ GLONASS หรือ Global Navigation Satellite บริหารโดย Russia VKS (Russia Military Space Force)
ในขณะนี้ภาคประชาชนทั่วโลกสามารถใช้ข้อมูลจากดาวเทียมของทางอเมริกา (NAVSTAR) ได้ฟรี เนื่องจาก นโยบายสิทธิการเข้าถึงข้อมูลและข่าวสารสำหรับประชาชนของรัฐบาลสหรัฐ จึงเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถใช้ข้อมูลดังกล่าวในระดับความแม่นยำที่ไม่เป็นภัยต่อความมันคงของรัฐ กล่าวคือมีความแม่นยำในระดับบวก ลบ 10เมตร  
          2. ส่วนควบคุม ประกอบด้วยสถานีภาคพื้นดิน  สถานีใหญ่อยู่ที่ Falcon Air Force Base ประเทศ อเมริกา และศูนย์ควบคุมย่อยอีก จุด กระจายไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก      
          3. ส่วนผู้ใช้งาน ผู้ใช้งานต้องมีเครื่องรับสัญญาณที่สามารถรับคลื่นและแปรรหัสจากดาวเทียมเพื่อนำมาประมวลผลให้เหมาะสมกับการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ
          ทุกวันนี้บางท่านมักจะเข้าใจผิดว่า GPS เป็น GPRS ซึ่ง GPRS ย่อมาจากคำว่า General Packet Radio Service เป็นระบบสื่อสารแบบไร้สายสำหรับโทรศัพท์มือถือ หรือ PDA หรือ notebook เพื่อเชื่อมต่อกับ internet
ศึกษาความเป็นมาและประวัติการพัฒนา GPS (GPS HISTORY, CHRONOLOGY, AND BUDGEที่นี่ครับTS) 

 
2.  GPS ทำงานอย่าง ไร?

ดาวเทียม GPS (Navstar) ประกอบด้วยดาวเทียม 24  ดวง โดยแบ่งเป็น  6  รอบวงโคจร การโคจรจะเอียงทำมุมเอียง 55 องศา
กับเส้นศูนย์สูตร (Equator) ในลักษณะสานกันคล้าย ลูกตะกร้อแต่ละวงโคจรมีดาวเทียม  4  ดวง รัศมีวงโคจรจากพื้นโลก 20,162.81 กม. หรือ 12,600 ไมล์ ดาวเทียมแต่ละดวงใช้ เวลาในการโคจรรอบโลก 12 ชั่วโมง

GPS ทำงานโดยการรับสัญญาณจากดาวเทียมแต่ละดวง โดยสัญญาณดาวเทียมนี้ประกอบไปด้วยข้อมูลที่ระบุตำแหน่งและเวลาขณะส่งสัญญาณ ตัวเครื่องรับสัญญาณ GPS จะต้องประมวลผลความแตกต่างของเวลาในการรับสัญญาณเทียบกับเวลาจริง ณ ปัจจุบันเพื่อแปรเป็นระยะทางระหว่างเครื่องรับสัญญาณกับดาวเทียมแต่ละดวง ซึ่งได้ระบุมีตำแหน่งของมันมากับสัญญาณดังกล่าวข้างต้น

เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการค้นหาตำแหน่งด้วยดาวเทียม ต้องมีดาวเทียมอย่างน้อย 4 ดวง เพื่อบอกตำแหน่งบนผิวโลก ซึ่งระยะห่างจากดาวเทียมทั้ง 3 กับเครื่อง GPS (ที่จุดสีแดง) จะสามารถระบุตำแหน่งบนผิวโลกได้หากพื้นโลกอยู่ในแนวระนาบแต่ในความเป็นจริงพื้นโลกมีความโค้งเนื่องจากสัณฐานของโลกมีลักษณะกลมดังนั้นดาวเทียมดวงที่ 4 จะทำให้สามารถคำนวณเรื่องความสูงเพื่อทำให้ได้ตำแหน่งที่ถูกต้องมากขึ้น

นอกจากนี้ความแม่นยำของการระบุตำแหน่งนั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดาวเทียมแต่ละดวง กล่าวคือถ้าระยะห่างระหว่างดาวเทียมที่ใช้งานอยู่ห่างกันย่อมให้ค่าที่แม่นยำกว่าที่อยู่ใกล้กัน  และยิ่งมีจำนวนดาวเทียมที่รับสัญญาณได้มากก็ยิ่งให้ความแม่นยำมากขึ้น ความแปรปรวนของชั้นบรรยากาศชั้นบรรยากาศประกอบด้วยประจุไฟฟ้า ความชื้น อุณหภูมิ และความหนาแน่นที่แปรปรวนตลอดเวลา คลื่นเมื่อตกกระทบ กับวัตถุต่างๆ จะเกิดการหักเหทำให้สัญญาณที่ได้อ่อนลง และสิ่งแวดล้อมในบริเวณรับสัญญาณเช่นมีการบดบังจากกระจก ละอองน้ำ ใบไม้ จะมีผลต่อค่าความถูกต้องของความแม่นยำ เนื่องจากถ้าสัญญาณจากดาวเทียมมีการหักเหก็จะทำให้ค่าที่คำนวณได้จากเครื่องรับสัญญาณเพี้ยนไป และสุดท้ายก็คือประสิทธิภาพของเครื่องรับสัญญาณว่ามีความไวในการรับสัญญาณแค่ไหนและความเร็วในการประมวณผลด้วย

การวัดระยะห่างระหว่างดาวเทียมกับเครื่องรับทำได้โดยใช้สูตรคำนวณ ระยะทาง = ความเร็ว * ระยะเวลา วัดระยะเวลาที่คลื่นวิทยุส่งจากดาวเทียมมายังเครื่องรับ GPS คูณด้วยความเร็วของคลื่นวิทยุจะเท่ากับระยะทางที่เครื่องรับ อยู่ห่างจากดาวเทียม โดยเวลาที่วัดได้มาจากนาฬิกาของดาวเทียมที่มีความแม่นยำสูงมีความละเอียดถึงนาโนวินาที และมีการสอบทวนเสมอๆกับสถานีภาคพื้นดิน

องค์ประกอบสุดท้ายก็คือตำแหน่งของดาวเทียมแต่ละดวงในขณะที่ส่งสัญญาณมาว่าอยู่ที่ใด(Almanac) มายังเครื่องรับ GPS โดยวงโคจรของดาวเทียมได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วเมื่อถูกส่งขึ้นสู่อวกาศ สถานีควบคุมจะคอยตรวจสอบการโคจรของดาวเทียมอยู่ตลอดเวลาเพื่อทวนสอบความถูกต้อง
 
 
 
3. ระบบนำทางด้วย GPS ทำงานอย่างไร?
ก่อนอื่นผู้ใช้จะต้องมีเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมหรือมีอุปกรณ์นำทาง เมื่อผู้ใช้นำเครื่องไปใช้งานมีการเปิดรับสัญญาณ GPS แล้วตัวโปรแกรมจะแสดงตำแหน่งปัจจุบันบนแผนที่ แผนที่สำหรับนำทางจะเป็นแผนที่พิเศษที่มีการกำหนดทิศทางการจราจร เช่น การจราจรแบบชิดซ้ายหรือชิดขวา ข้อมูลการเดินรถทางเดียว จุดสำคัญต่างๆ ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ต่างๆ ฝังไว้ในข้อมูลแผนที่ที่ได้ทำการสำรวจและตั้งค่าไว้แล้ว ในแต่ละทางแยกก็จะมีการกำหนดค่าเอาไว้ด้วยเช่นกันเพื่อให้ตัวโปรแกรมทำการเลือกการเชื่อมต่อของเส้นทางจนถึงจุดหมายที่ได้เลือกไว้

เสียงนำทางก็จะทำงานสอดคล้องกับการเลือกเส้นทาง เช่นถ้าโปรแกรมเลือกเส้นทางที่จะต้องไปทางขวาก็จะกำหนดให้มีการแสดงเสียงเตือนให้เลี้ยวขวา โดยแต่ละโปรแกรมก็จะมีการกำหนดเตือนไว้ล่วงหน้าว่าจะเตือนก่อนจุดเลี้ยวเท่าใด ส่วนการแสดงทิศทางก็จะมีการบอกไว้ล่วงหน้าเช่นกันแล้วแต่ว่าจะกำหนดไว้ล่วงหน้ากี่จุด บางโปรแกรมก็กำหนดไว้จุดเดียว บางโปรแกรมกำหนดไว้สองจุด หรือบางโปรแกรมก็สามารถเลือกการแสดงได้ตามความต้องการของผู้ใช้

การคำนวณเส้นทางนี้จะถูกคำนวณให้เสร็จตั่งแต่แรก และตัวโปรแกรมจะแสดงผลทั้งภาพและเสียงตามตำแหน่งจริงที่อยู่ ณ.จุดนั้นๆ หากมีการเดินทางออกนอกเส้นทางที่ได้กำหนดไว้ เครื่องจะทำการเตือนให้ผู้ใช้ทราบและจะคำนวณให้พยายามกลับสู่เส้นทางที่ได้วางแผนไว้ก่อน หากการออกนอกเส้นทางนั้นอยู่เกินกว่าค่าที่กำหนดไว้ก็จะมีการคำนวณเส้นทางให้ใหม่เองอัตโนมัติ

เมื่อเครื่องคำนวณเส้นทางให้ผู้ใช้สามารถดูเส้นทางสรุปได้ล่วงหน้า หรือแสดงการจำลองเส้นทางก็ได้ โปรแกรมนำทางบางโปรแกรมมีความสามารถกำหนดจุดแวะได้หลายจุดทำให้ผู้ใช้สามารถกำหนดให้การนำทางสอดคล้องกับการเดินทางมากที่สุด หรืออาจใช้ในการหลอกเครื่องเพื่อให้นำทางไปยังเส้นทางที่ต้องการแทนที่เส้นทางที่เครื่องคำนวณได้ บางโปรแกรมก็มีทางเลือกให้หลีกเลี่ยงแบบต่างๆเช่น เลี่ยงทางผ่านเมือง เลี่ยงทางด่วน เลี่ยงทางกลับรถ เป็นต้น
 
4.  แผนที่นำทางด้วย GPS มีที่มาอย่างไร?
นอกจากผู้ที่ใช้ระบบ GPS จะต้องมีเครื่องรับสัญญาณ GPS หน่วยประมวลผล โปรแกรมแผนที่และข้อมูลแผนที่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ  การรับสัญญาณจากดาวเทียมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ส่วนการใช้งานในรูปแบบที่ใช้ประกอบกับแผนที่จะมีค่าใช้จ่ายในเรื่องของแผนที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับบริษัทที่จัดทำแผนที่ ในประเทศไทยมีผู้จัดทำแผนที่เพื่อใช้กับ GPS รายใหญ่ๆได้แก่

ABLE ITS (POWER MAP)

นอกจากความเฉพาะของแผนที่นำทางจะไม่สามารถนำมาใช้ต่างค่ายได้แล้ว แผนที่ยังมีความเฉพาะสำหรับเครื่องแต่ละเครื่องด้วยคือไม่สามารถนำแผนที่จากเครื่องหนึ่งไปใช้กับเครื่องอื่นได้ จะต้องมีการป้อนรหัสที่ทางบริษัทจัดให้จึงจะสามารถใช้งานได้
การสร้างแผนที่นำทางจะเริ่มจากการใช้ภาพถ่ายทางอากาศจากดาวเทียมมาต่อซ้อนกันเหมือนการปูกระเบื้องเพื่อให้เห็นภาพรวมของภูมิประเทศ แล้วจึงไปกำหนดจุดอ้างอิงทางภูมิศาสตร์ (calibrate) เป็นค่าพิกัดดาวเทียม แล้วจึงมีการสร้างข้อมูลต่างๆ เช่น ถนน สถานที่สำคัญ จุดสนใจ เป็นชั้นๆ (layer) แล้วนำมาประกอบกันเป็นแผนที่นำทาง
การสร้างข้อมูลทางภูมิศาสตร์จะต้องมีการสำรวจภาคสนามซึ่งต้องใช้บุคคลากร ทรัพยากรจำนวนมาก และต้องทำอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงทำให้การสร้างแผนที่มีต้นทุนที่สูง

  
5.   อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับการนำทางด้วย GPS ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
อุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับการนำทางด้วย GPS ประกอบด้วย ตัวรับสัญญาณ หน่วยประมวลผล โปรแกรมการนำทาง และข้อมูลแผนที่นำทาง ปัจจุบันนี้มีเครื่อง GPS ที่มีครบทุกอย่างในตัวเอง ซึ่งจะมีความสะดวกในการใช้งานและมีความเสถียรสูงได้แก่ PND (Personal / Portable Navigation Device) หรือแบบที่ใช้ GPS receiver ร่วมกับ PDA (Personal Digital Assistant) Pocket PC โน้ตบุ๊ก PC Smart phone เป็นต้น หรือใน smart phone รุ่นใหม่ก็มี GPSเพิ่มขึ้นให้เลือกใช้หลายรุ่น ทำให้สะดวกในการใช้งานยามหลงทางหรือใช้งานหาสถานที่ใกล้เคียง

นอกจากอุปกรณ์หลักแล้วยังมีอุปกรณ์เสริม เช่นเสารับสัญญาณภายนอกแบบติดเฉพาะเครื่องต่อเครื่อง หรือตัวกระจายคลื่น (GPS radiator) เพื่อให้สามารถใช้GPSได้ในที่อับสัญญาณ เช่นในรถที่ติดฟิล์มที่มีสารโลหะอยู่ (หรือที่เรียกกันว่า"ฉาบปรอท") หรือในอาคาร

 
6.   การประยุกต์ใช้งาน
ปัจจุบันนี้ได้มีการใช้งาน GPS ในรูปแบบต่างๆดังนี้

>  การกำหนดพิกัดของสถานที่ต่าง ๆ การทำแผนที่ งานสำรวจ โดยส่านใหญ่นิยมใช้อุปกรณ์ที่สามารถพกพาไปได้ง่าย มีความทนทาน กันน้ำได้ สามารถใช้กับถ่านไฟฉายขนาดมาตรฐานได้ ดูรายละเอียดเพิ่มที่นี่
 การนำทาง ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวางมีหลากหลายแบบและขนาด สามารถนำทางได้ทั้งภาพและเสียง ใช้ได้หลายภาษา บางแบบมีภาพเสมือนจริง ภาพสามมิติ และประสิทธิภาพอื่นๆเพิ่มเติมเช่น multimedia Bluetooth hand free เป็นต้น ดูรายละเอียดเพิ่มที่นี่
 การวางแผนการใช้ประโยชน์ที่ดิน โครงข่ายหมุดดาวเทียม GPS ของกรมที่ดิน (DOLVRS)
>  การกำหนดจุดเพื่อบรรเทาสาธารณะภัย เช่น เสื้อกั๊กชูชีพที่มีเครื่องส่งสัญญาณจีพีเอส
>  การนำไปใช้ประโยชน์ในขบวนการ ยุติธรรม เช่นการติดตามบุคคล
>  การติดตามการค้ายาเสพติด ฯลฯ ดูรายละเอียดเพิ่มที่นี่
>  การนำไปใช้ประโยชน์ทางทหาร ดูรายละเอียดเกี่ยวกับอนาคตGPS ทางทหารจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐที่นี่ The Future of the Global Positioning System
>  การกีฬา เช่นใช้ในการฝึกฝนเพื่อวัดความเร็ว ระยะทาง แคลลอรี่ที่เผาผลาญ ดูรายละเอียดเพิ่มที่นี่ หรือ ใช้ในสนามกอล์ฟเอคำนวณระยะจากจุดที่อยู่ถึงหลุม
>  การสันทนาการ เช่น กำหนดจุดตกปลา หาระยะเวลาที่เหมาะสมในการตกปลา การวัดความเร็ว ระยะทาง บันทึกเส้นทาง เครื่องบิน/รถบังคับวิทยุระบบการควบคุมหรือติดตามยานพาหนะ
>  การติดตามบุคคล เพื่อให้ทราบว่ายานพาหนะอยู่ที่ใด มีการเคลื่อนที่หรือไม่ มีการแจ้งเตือนให้กับผู้ติดตามเมื่อมีการเคลื่อนที่เร็วกว่าที่กำหนดหรือเคลื่อนที่ออกนอกพื้นที่หรือเข้าสู่พื้นที่ที่กำหนด นอกจากนั้นยังสามารถนำไปใช้ในการป้องกันการโจรกรรมและติดตามทรัพย์สินคืน ดูรายละเอียดเพิ่มที่นี่
>  การนำข้อมูล GPS มาประกอบกับภาพถ่ายเพื่อการท่องเที่ยว การทำรายงานกิจกรรม เป็นต้น โดยจะต้องมีเครื่องรับสัญญาณดาวเทียมติดตั้งอยู่กับกล้องบางรุ่น หรือการใช้ GPS Data Logger ร่วมกับ Software ดูรายละเอียดที่นี่

 
7.  การใช้ระบบ GPS ในต่างประเทศเป็นอย่างไรบ้าง?
ทุกวันนี้ในต่างประเทศมีการใช้อุปกรณ์ GPS กันอย่างกว้างขวาง และประชาชนมีความรู้เรื่อง GPS เป็นอย่างดี เพราะได้มีการใช้งานมาหลายปีแล้วและมีระบบเชื่อมโยงข้อมูลการจราจรในรูปแบบของดิจิตอล ประกอบกับมีการวางผังเมืองอย่างเป็นระเบียบทำให้การพัฒนาระบบ GPS เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว เช่น ในรถแท็กซี่จะพบอุปกรณ์ GPS ประจำอยู่แทบทุกคัน เพื่อหลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรคับคั่ง หรือการขับรถเพื่อท่องเที่ยวก็จะมีการแนะนำเส้นทางท่องเที่ยวพร้อมสถานที่น่าสนใจต่างๆ เช่น ร้านอาหาร ที่พัก จุดชมวิว แหล่งท่องเที่ยว เป็นต้น และนักเดินทางก็มักจะพกอุปกรณ์ GPS ในรูปแบบ PDA หรือ Pocket PC กันเป็นส่วนมาก แทนการพกพาสมุดแผนที่อย่างในอดีต ปัจจุบันนี้ระบบ GPS สามารถค้นหาถึงระดับบ้านเลขที่หรือเบอร์โทรศัพท์และนำทางไปสู่เป้าหมายได้อย่างถูกต้อง

 
8.  แนวโน้มหรืออนาคตของ GPS ในประเทศไทย
สำหรับ GPS ยังเป็นของใหม่มากและรู้จักกันในหมู่ผู้ใช้งานในวงจำกัด แต่ก็เป็นนิมิตหมายที่ดีในการที่จะแพร่หลายต่อไปในอนาคตปัจจุบันนี้ได้มีรถแท็กซี่บางค่ายได้นำ GPS ไปติดตั้งแล้ว
ในปัจจุบันนอกจากฟังก์ชั่นการนำทางพื้นฐานแล้วก็ยังมีการเตือนทางโค้ง จุดด่านเก็บเงิน จุดที่มักจะมีการตรวจจับความเร็ว ตำแหน่งกล้องตรวจจับการฝ่าฝืนกฎจราจร การกำหนดความเร็วในถนนแต่ละสาย ข้อมูลการท่องเที่ยวพร้อมรายละเอียดพร้อมภาพประกอบ ข้อมูลร้านอาหารอร่อย ภาพเสมือนจริง ข้อมูลจราจร TMC หรือ (Traffic Message Channel) ดูรายละเอียดเพิ่มทีนี่
          การใช้ GPS ในการติดตามรถบรรทุก รถยนต์ ซึ่งต่อไปน่าจะแพร่หลายไปถึงรถแท็กซี่ รถพยาบาล รถตำรวจ รถโรงเรียน รถขนส่งสาธารณะ ฯลฯ การแสดงสภาพการจราจรที่คาดว่าในอนาค

วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2555


10 แนวคิดเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคต (Concept Phone)

1..Oho-idea สำหรับแนวคิดแปลกใหม่น่าสนใจของเทคโนโลยีโทรศัพท์มือถือในอนาคตหรือ Concept Phone ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิตล้ำสมัย ฟังก์ชั่นการทำงานหลากหลาย ไม่ยึดติดกับรูปร่างลักษณะแบบเดิมๆ ของโทรศัพท์มือถือในปัจจุบัน มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ตอบสนองผู้ใช้งานและเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ดีใน อนาคต
Weather Cell Phone Concept : แนวคิดเพื่อบอกสภาพดินฟ้าอากาศ
แนวคิดมือถือ โทรศัพท์มือถือบอกสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather Cell Phone Concept) มีแนวคิดและจุดเด่นตรงตัวเครื่องทำจากวัสดุ โปร่งใส ขนาดบางเฉียบ หน้าจอสามารถแสดงผลได้เต็มพื้นที่ตัวเครื่อง ใช้ระบบสัมผัสในการควบคุมการทำงาน สามารถตรวจวัดสภาพอากาศในปัจจุบันแล้วแสดงผลบนตัวเครื่องได้ อย่างเช่น อากาศปลอดโปร่ง หน้าจอจะใสแจ๋ว หากฝนตกตัวเครื่องก็จะมีหยดน้ำฝนเกาะอยู่ และถ้ามีหิมะตกหน้าจอก็จะเป็นฝ้าด้วยไอความเย็นของหิมะ และหากต้องการโทรออกหรือเขียนข้อความ เพียงแค่ใช้ปากเป่าลมไปยังหน้าจอ ก็สามารถเขียนตัวอักษรหรือวาดรูปต่างๆ ลงไปได้เลย
ผลงานการออกแบบของ Seunghan Song





2..Mobile script Concept : แนวคิดหน้าจอระบบ สัมผัสที่สามารถดึงเข้า-ออก
โดย แนวคิดโทรศัพท์มือถือร่วมสมัย เพื่อต้องการความคล่องตัวในการใช้งาน ด้วยหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 9.5 นิ้วที่สามารถดึง เข้า-ออกจากตัวเครื่องด้านข้างได้ หรือที่เรียกว่า "Script Concept" ซึ่งเหมือนวิธีการ ส่งสาร จดหมายสมัยโบราณ ที่ส่งเป็นลักษณะม้วนกระดาษ นับว่าเป็นแนวคิดที่ดี ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในสมัยใหม่ได้ดีทีเดียว
ผลงานการออกแบบของ Aleksander Mukomelov
  


   
3..Projector Cell Phone Concept: แนวคิดมือถือติดโปรเจคเตอร์
แนวคิดมือถือโทรศัพท์มือถือที่ต้องการเป็นมากกว่ามือถือธรรมดา เป็นแนวคิดสมาร์ทโฟนขนาดบางเฉียบ ติดโปรเจคเตอร์หรือเครื่องฉายภาพ (Projector Concept) ไว้ ตรงกลางของตัวเครื่องรอยต่อระหว่างจอแสดงผลที่สามารถหมุนขึ้นได้กับแผงปุ่ม กด ผู้ใช้สามารถส่งภาพในโทรศัพท์ออกไปยังฉากหรือผนังเพื่อรับชมภาพในขนาดใหญ่ ได้
ผลงานการออกแบบของ Stefano Casanova
  


4..Alarm Clock Cell Phone Concept: แนวคิดมือถือกับนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ
แนวคิดโทรศัพท์มือถือนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ Sony Ericsson รูปทรงคล้ายนาฬิกาปลุกตั้งโต๊ะ มองเห็นเวลาชัดเจนด้วยรูปแบบนาฬิกาดิจิตอลขนาดใหญ่ มีเครื่องเล่น Walkman, ติดกล้องถ่ายรูป และใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด AAA 2 ก้อน
ผลงานการออกแบบของ Carl Hagerling
  






5..Pen Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือรูปทรงปากกา
แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงปากกา ความยาว 8.7 นิ้ว ปุ่มกดตัวเลข 1-9 เรียงจากหัวปากกาไป ด้านบน ถัดไปเป็นจอแสดงผล รองรับการ์ดหน่วยความจำภายนอก MicroSD ภายในประกอบด้วย ฟังก์ชั่นพื้นฐานเหมือนโทรศัพท์ทั่วไป เพียงแต่ว่าง่ายต่อการพกพาสะดวกกว่าเท่านั้น
  



6..Edge Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์หรู
แนวคิดโทรศัพท์มือถือรูปทรงสไลด์ ที่มีแผงปุ่มกดทำจากวัสดุโปร่งใส ขนาดบาง ใช้ระบบสัมผัส เมื่อเราต้องการกดหมายเลขก็เพียงเลื่อนสไลด์แผงปุ่มที่ใสๆ ออกมาเท่านั้นเอง
ผลงานการออกแบบของ Chris Owens
  
7..Grass Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือต้นหญ้า
แนวคิดโทรศัพท์มือถือต้นหญ้าหรือ Grass Cell Phone มาจากแนวคิดเนื่องด้วยธรรมชาติสร้างสรรค์ เทคโนโลยีให้ควบคู่กันไปได้อย่างลงตัว จึงไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมือถือต้นหญ้าเครื่องนี้ก็จะค่อยๆ ย่อยสลายตัวเองไปตามกาลเวลาภายในระยะเวลา 2 ปี เพราะว่าวัสดุที่ใช้ทำเป็นวัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้นั่นเอง
ผลงานการออกแบบของ Je-Hyun Kim
  



8..Mechanical Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือพลังงานกล
แนวคิดโทรศัพท์มือถือพลังงานจากกลไกการหมุนตัว เครื่อง ด้วยการใช้นิ้วสวมลงไปในรูวงกลมแล้วหมุนโทรศัพท์ไปรอบๆ นิ้วมือ เพียงแค่นี้โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ก็มีพลังงานเพิ่มขึ้นพร้อมด้วยหน้า จอแสดงผลระบบสัมผัสบอกสถานะการชาร์จ
ผลงานการออกแบบของ Mikhail Stawsky
 



9..Flexible Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือกำไลข้อมือ
แนวคิดโทรศัพท์มือถือกำไลข้อมือ หรือนาฬิกา โดยตัวเครื่องทำมาจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นสูง สามารถโค้งงอ ยึดปลายทั้งสองเข้าหากัน ใช้เป็นกำไลข้อมือ พกพาไปไหนได้สะดวกมากขึ้น
ผลงานการอกแบบของ Shirley A. Roberts


10..Ear Cell Phone Concept: แนวคิดโทรศัพท์มือ ถือหูฟังล่องหน
แนวคิดโทรศัพท์มือถือหูฟังล่องหนหรือที่เรียก ว่า "Ilshat Garipov" ออกแบบให้มีขนาดบาง เฉียบ มีลักษณะคล้ายคลิปหนีบ ดึงส่วนยื่นออกมาเกี่ยวกับช่องหู คล้ายหูฟัง วัสดุประกอบตัวเครื่องแต่ละชั้นใช้โพลิเมอร์สอดแทรกด้วยชิ้นส่วน อิเล็กทรอนิกส์ และเซ็นเซอร์จำนวนมากสามารถตรวจจับผิวหน้าสัมผัสกับตัวเครื่องเปลี่ยนสีพื้น ผิวโทรศัพท์ให้เหมือนกับบริเวณที่ส่วมใสอยู่ ดูผ่านๆ แล้วเหมือนกับโทรศัพท์ล่องหนได้
ผลงานการอกแบบของ Kambala